Chapter 2 : E-BUSINESS INFRASTRUCTURE
CHAPTER
2 : E-BUSINESS INFRASTRUCTURE
ส่วนประกอบของโครงสร้างพื้นฐาน
E-business infrastructure components

1. E-business service applications layer ชั้นของแอปฟลิเคชั่น คือ
ชั้นของโปรแกรม ต่างๆ
จะเป็นการใช้แอปฟลิเคชั่น โดยไม่สนใจซอฟต์แวร์
2. System Software layer การนำโปรแกรมที่มาใช้งานให้ประสบความสำเร็จในชั้นที่ 1 เป็นเรื่องของการจัดการซอฟต์แวร์
3. Transport or Network layer เป็นชั้นที่ใช้ในการสื่อสาร เช่น พวกโปรโตคอลต่างๆ ประสานงานกับเครื่องแม่ข่ายกับลูกข่าย
4. storage/Physical layer เป็นชั้นที่ใช้เก็บพวกข้อมูลต่างๆ เช่น ฮาร์ดดิกส์ แรม ว่าเก็บข้อมูลไว้ในส่วนไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ใช้อะไรเก็บ
5. Content and Data layer ชั้นนี้เกี่ยวข้องกับพวก อินเตอร์เน็ต เอ็กทราเน็ต อินทราเน็ต
จะเป็นการใช้แอปฟลิเคชั่น โดยไม่สนใจซอฟต์แวร์
2. System Software layer การนำโปรแกรมที่มาใช้งานให้ประสบความสำเร็จในชั้นที่ 1 เป็นเรื่องของการจัดการซอฟต์แวร์
3. Transport or Network layer เป็นชั้นที่ใช้ในการสื่อสาร เช่น พวกโปรโตคอลต่างๆ ประสานงานกับเครื่องแม่ข่ายกับลูกข่าย
4. storage/Physical layer เป็นชั้นที่ใช้เก็บพวกข้อมูลต่างๆ เช่น ฮาร์ดดิกส์ แรม ว่าเก็บข้อมูลไว้ในส่วนไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ใช้อะไรเก็บ
5. Content and Data layer ชั้นนี้เกี่ยวข้องกับพวก อินเตอร์เน็ต เอ็กทราเน็ต อินทราเน็ต
Key management issues of e-business infrastructure
1. ประเภทของ E-business ที่เกี่ยวข้องกับแอปฟลิเคชั่่น เช่นก่ารจัดซื้อจัดจ้าง การรักษาความ
ปลอดภัยของการจัดซื้อ การบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์ เป็นต้น2. ใช้เทคโนโลยีอะไรเพื่อให้ถึงเป้าหมาย เช่น e-mail เป็นต้น3. ทำอย่างไรเพื่อจะให้บริการต่างๆ มีประสิทธิภาพ4. จะนำบริการนี้ไปติดตั้งไว้ที่ไหนอย่างไร เช่นเอาไปติดตั้งที่เครื่อง server เอง หรือ ใช้บริการบริษัทภายนอกองค์กร
1. ประเภทของ E-business ที่เกี่ยวข้องกับแอปฟลิเคชั่่น เช่นก่ารจัดซื้อจัดจ้าง การรักษาความ
ปลอดภัยของการจัดซื้อ การบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์ เป็นต้น2. ใช้เทคโนโลยีอะไรเพื่อให้ถึงเป้าหมาย เช่น e-mail เป็นต้น3. ทำอย่างไรเพื่อจะให้บริการต่างๆ มีประสิทธิภาพ4. จะนำบริการนี้ไปติดตั้งไว้ที่ไหนอย่างไร เช่นเอาไปติดตั้งที่เครื่อง server เอง หรือ ใช้บริการบริษัทภายนอกองค์กร

Internet technology
Internet
ช่วยให้การสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์หลายล้านเครื่องที่เชื่อมต่อทั่วโลก
ดังนั้นอินเทอร์เน็ตจึงเป็นระบบเขนาดใหญ่ในรูปแบบ Client / Server

Intranet applications
อินทราเน็ตถูกใช้อย่างกว้างขวางเพื่อรองรับการขายในด้านธุรกิจ e - commerce โดยเน้นทำงานจากฝ่ายการตลาดเป็นหลัก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนกิจกรรมหลักของ supply-chain management
อินทราเน็ตถูกใช้อย่างกว้างขวางเพื่อรองรับการขายในด้านธุรกิจ e - commerce โดยเน้นทำงานจากฝ่ายการตลาดเป็นหลัก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนกิจกรรมหลักของ supply-chain management

Extranet applications
เอ็กซ์ทราเน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลโดยควบคุมจากภายนอกองค์กร สำหรับธุรกิจที่เฉพาะเจาะจง
เอ็กซ์ทราเน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลโดยควบคุมจากภายนอกองค์กร สำหรับธุรกิจที่เฉพาะเจาะจง

Firewalls
ถ้าแปลเป็นภาษาไทย จะหมายถึง กำแพงไฟ
ซึ่งน่าจะหมายถึงการป้องกันการบุกรุก โดยการสร้างกำแพง อย่างไรก็ตาม ความหมายของ Firewall สามารถอธิบายได้ดังนี้ คือ Firewall เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับป้องกันระบบ
Network
(เครือข่าย)
จากการสื่อสารทั่วไปที่ถูกบุกรุก จากผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต
เป็นเรื่องเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในระบบ Network หรือระบบเครือข่าย การป้องกันโดยใช้ระบบ Firewall นี้จะเป็นการกำหนดกฏเกณฑ์ในการควบคุมการเข้า-ออก
หรือการควบคุมการรับ-ส่งข้อมูล ในระบบเครือข่าย
WEB EVOLUTION


WEB 1.0
ลองนึกย้อนไปตอน Internet
เพิ่งเริ่มมีการพัฒนาอย่างจริงๆจังๆ
เราจะเริ่มหรือเคยเห็นเว็บไซต์หลากหลาย
ซึ่งส่วนใหญ่เจ้าของเว็บไซต์ก็จะเป็นการนำเอาข้อมูลที่ตัวเอง
ต้องการนำเสนอไปทำในรูปแบบของ html หรือข้อมูลต่างๆที่เราเห็นอยู่ไปใส่ในเว็บไซต์
หรืออินเทอร์เน็ต ส่วนผู้ใช้ก็มีหน้าที่กดเข้าไปอ่านส่วนเจ้าของก็มีหน้าที่คือ Update ข้อมูลเข้ามาทำกันไปกันมาแบบเดียวกัน
ซึ่งโดยสรุปเราอาจจะเรียกวิธีการแบบนี้ว่าเป็นการสื่อสารแบบทางเดียว หรือเรียกว่า One Way Communication ก็ได้
WEB 2.0
จาก WEB 1.0 ต่อมาเว็บไซต์ก็เริ่มมีการพัฒนา พวก WEB Board, Blog, มีการนำภาพมาแชร์ นำวีดีโอมาโพส มีการแชร์แบ่งปัน แลกเปลี่ยน
พูดคุย ถกเถียง นินทา ประจาน ใส่ร้าย ทั้งเจ้าของเว็บไซต์เอง
หรือจากคนที่เข้ามาใช้งานเว็บไซต์กันเอง
เรียกว่าผู้ใช้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ข้อมูลหรือ Content ในเว็บไซต์นั้นมีการ Update และพัมนาปรับปรุงอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เว็บไซต์มีรูปแบบของการสื่อสารเป็นแบบสองทาง
หรือ Two Way Communication ซึ่งพอมาถึงจุดนี้ทำให้อินเทอร์เน็ตมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก

WEB 3.0
จากเว็บ WEB 2.0 ก็เริ่มขยับก้าวเข้าสู่ช่วงของ WEB 3.0 แล้วอะไรที่เพิ่มเข้ามา
สิ่งที่คนพัฒนาเว็บกำลังพยายามทำกันต่อก็คือ แก้ไขปัญหาของข้อมูลหรือ Content ที่ไม่มีคุณภาพต่างๆที่ WEB 2.0 ได้สร้างขึ้น
ซึ่งมีการขยายขนาดและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วทำยังไงละผู้ใช้ถึงจะสามารถเข้าถึง
Content หรือสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ง่ายและตรงตามความต้องการมากที่สุด
สะดวกที่สุด ก็เลยมีการพูดถึง

WEB 4.0
WEB 4.0 หรือเรียกกันว่า "A Symbiotic web" คือเว็บที่ทำงานแบบ Artificial Intelligence (AI) ที่ฉลาดมากยิ่งขึ้น คอมพิวเตอร์สามารถคิดได้ มีความฉลาดมากขึ้น
ในการอ่านทั้งเนื้อหา ข้อความ รูปภาพ หรือวีดีโอ
สามารถที่จะตอบสนองหรือตัดสินใจได้ว่าจะ load ข้อมูลอะไร จากไหน
ที่จะให้มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดมาให้ผู้ใช้งานก่อน
และนอกจากนี้ยังมีรูปแบบการนำมาแสดงที่รวดเร็ว เว็บ 4.0 จะทำเว็บหรือข้อมูลต่างๆ สามารถทำงานได้แทบทุก Device หรืออาจจะช่วยระบุตัวตนที่แท้จริงของผู้ใช้เอง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น