Chapter 4 : E-COMMERCE

CHAPTER
4: E-COMMERCE
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic commerce) คือ
การทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในทุกช่องทางที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ เช่น
การซื้อขายสินค้าและบริการ การโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไ ม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์
โ ทรทัศน์ วิทยุหรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต เป็นต้น โ
ดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร
โดยการลดบทบาทองค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น ทำเลที่ตั้ง อาคารประกอบการ
โกดังเก็บสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึงพนักงานขาย พนักงานแนะนำสินค้า
พนักงานต้อนรับลูกค้าเป็นต้น จึงลดข้อจำกัดของระยะทาง และเวลาลง
การประยุกต์ใช้ (E-commerce Application)
- การค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ (E-Retailing)
- การประมูลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Auctions)
- การบริการอิเล็กทรอนิกส์ (E-Service)
- รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government)
- การพาณิชย์ผ่านระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่
- การประมูลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Auctions)
- การบริการอิเล็กทรอนิกส์ (E-Service)
- รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government)
- การพาณิชย์ผ่านระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่
โครงสร้างพื้นฐาน (E-Commerce Infrastructure)
องค์ประกอบหลักสำคัญด้านเทคโนโลยีพื้นฐาน
ที่จะนำมาใช้เพื่อการพัฒนาระบบ
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วนได้แก่
- ระบบเครือข่าย (Network)
- ช่องทางการติดต่อสื่อสาร (Chanel Of Communication)
- การจัดรูปแบบและการเผยแพร่เนื้อหา (Format & Content Publishing)
- การรักษาความปลอดภัย (Security)
Dimensions of E-Commerce
Physical Product คือสินค้าที่จับต้องได้
เช่นคอมพิวเตอร์หรือสิ่งที่เราสัมผัสได้ กับสินค้าที่จับต้องไม่ได้ เช่น การบริการ
, software ต่างๆ
Physical Agent คือการขายสินค้าผ่านหน้าร้านแบบเดิม เช่น Big C , Tesco Lotus ,
Robinson
Digital Agent คือเปิดหน้าร้านที่อยู่บนโลกออนไลน์
Physical Process คือกระบวนการในการจัดการบริหารที่เป็นแบบเดิม
Digital
Process คือนำอิเล็กทรอนิกส์มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการ
Partial Electronic Commerce Areas คือบางส่วนที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ ยกเว้นที่เป็น Physical
Pure Electronic Commerce คือระบบทุกอย่างออนไลน์บนอินเตอร์เน็ทหมด

Business
Model of E-Commerce
Brick and Motar Organization คือการขายสินค้าในโครงสร้างธุรกิจแบบเก่าที่ดำเนินธุรกิจส่วนใหญ่ในแบบออฟไลน์
Virtual Organization คือทุกอย่างทำบนระบบออนไลน์
Click and Motar Organization คือการทำธุรกิจแบบออนไลน์ควบคู่กับแบบออฟไลน์ด้วย
ประเภทของ E-Commerce
กลุ่มธุรกิจที่ค้ากำไร
(Profits Organization)
1.Business-to-Business
(B2B) คือการทำธุรกิจกับธุรกิจด้วยกันเอง
2.
Business-to-Customer (B2C) คือการทำธุรกรรม
ระหว่างธุรกิจกับลูกค้า
3.
Business-to-Business-to-Customer (B2B2C) คือการทำธุรกรรม ระหว่างธุรกิจกับธุรกิจกับลูกค้า
4.
Customer-to-Customer (C2C) คือลูกค้าทำธุรกรรมกับลูกค้า
5.
Customer-to-Business (C2B) คือลูกค้าทำธุรกรรมกับธุรกิจ
6.
Mobile Commerce คือการทำธุรกรรมบนอุปกรณ์เคลื่อนที่
กลุ่มธุรกิจที่ไม่ค้ากําไร
(Non-Profit Organization)
1.
Intrabusiness (Organization) E-Commerce คือการทำธุรกิจภายในองค์การเอง
2.
Business-to-Employee (B2E) คือการให้บริการจากธุรกิจไปยังลูกจ้าง
เช่นการยื่นใบลา ลาป่วยแบบออนไลน์
3.
Government-to-Citizen (G2C) คือการให้บริการจากภาครัฐไปยังภาคประชาชน
เช่น อำเภอยิ้ม , เลื่อนล้อต่อภาษีที่สำนักงานขนส่ง สาขาหนองหอย
4.
Collaborative Commerce (C-Commerce) คือการเอาระบบพาณิชย์อิเล็กทรอกนิกส์มาให้ความร่วมมือ
ระหว่างตัวองค์กรต่าง ๆ ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกัน เช่น
บริษัทเครือซีเมนต์ไทยกับสาขาย่อยต่าง ๆ
5.
Exchange-to-Exchange (E2E) คือการแลกเปลี่ยนข้อมูล
6.
E-Learning คือการสอน
การสอบออนไลน์
E-Commerce
Business Model
แบบจำลองทางธุรกิจ
คือวิธีดำเนินการทางธุรกิจที่ช่วยสร้างรายได้ อันจะทำให้บริษัทอยู่ต่อไปได้
และยังรวมถึงกิจกรรมที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการด้วย
- ธุรกิจที่หารายได้จากค่าสมาชิก เช่นเว็บไซท์ Jobs.DB.com , Business Online
- ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน เช่น Pay Pal , True Money
- ธุรกิจค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ร้านขายหนังสือ
Amazon , ร้านขายของชำ 7dream
- ธุรกิจที่หารายได้จากโฆษณา เช่นโฆษณาบน facebook , Yahoo , Pantip.com
, Kapook.com
- บริกาiรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์
เช่น MERX
, Buyers.Gov , อำเภอยิ้ม , เลื่อนล้อต่อภาษี , บริการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- ธุรกิจตลาดประมูลออนไลน์ เช่น Egghead , Priceline
- ธุรกิจตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น PaperExchange , FoodMarketExchange
, การจำหน่ายดอกไม้ออนไลน์
- ธุรกิจที่ใช้ E-Commerce ในการเพิ่ม Productivity เช่น ด้านการบริหาร SCM , การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ CRM , การแลกเปลี่ยนข้อมูล EDI
ข้อดีและข้อเสียของ E-Commerce
ข้อดี
1.สามารถเปิดดำเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
2.สามารถดำเนินการค้าขายได้อย่างอิสระทั่วโลก
3.ใช้ต้นทุนในการลงทุนต่ำ
4.ไม่ต้องเสียค่าเดินทางในระหว่างการดำเนินการ
5.ง่ายต่อการประชาสัมพันธ์และยังสามารถประชาสัมพันธ์ในครั้งเดียวแต่ไปได้ทั่วโลก
6.สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ใช้บริการอินเตอร์เน็ตได้ง่าย
7.ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย
8.ไม่จำเป็นต้องเปิดเป็นร้านขายสินค้าจริงๆ
ข้อเสีย
1.ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยของระบบที่มีประสิทธิภาพ
2.ไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ไม่ได้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตได้
3.ขาดความเชื่อมั่นในเรื่องการชำระเงินผ่านทางบัตรเครดิต
4.ขาดกฏหมายรองรับในเรื่องการดำเนินการธุรกิจขายสินค้าแบบออนไลน์
5.การดำเนินการทางด้านภาษียังไม่ชัดเจน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น